เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 นายนวพงศ์ สรโชติ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เข้าร่วมการประชุม
เครือข่ายนวัตกรรมยางพารา ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคอุตสาหกรรม ในการ
ยกระดับงานวิจัยยางพาราของไทยให้ตอบโจทย์ตลาดทั้งในและต่างประเทศ

 

ที่ประชุมได้หารือถึงการขยายขอบเขตโครงการ ทุนทายาทอุตสาหกรรม International Rubber Engineering ครอบคลุมทั้ง ม.อ. วิทยาเขตหาดใหญ่
และสุราษฎร์ธานี เพื่อพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านยางพาราและสอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมจริงโดย ส.อ.ท.
ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ soft skills อาทิ วิธีคิดเชิงวิเคราะห์ ความอดทน และจรรยาบรรณวิชาชีพ ควบคู่กับทักษะเทคนิคเฉพาะทาง

 

ดร.เอกวิภู ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา ได้นำเสนอผลงานวิจัยเด่น ทั้งที่ใช้เวลาวิจัยยาวนาน เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการ
แพทย์ที่ใช้เวลากว่า 10 ปีในการพัฒนาจนผ่าน อย. และ pressure sensitive adhesive ที่ใช้เวลา 3 ปี พร้อมย้ำว่า “งานวิจัยไม่สามารถสำเร็จ
ได้ด้วยสถาบันการศึกษาเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน” โดย ส.อ.ท. ได้แสดงความยินดีที่จะสนับสนุนเวทีเผยแพร่
ผลงานวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการ

 

ในที่ประชุม ส.อ.ท. โดยคุณบุญหาญ อู่อุดมยิ่ง ได้เสนอแนวคิด “Research Marketplace” รวบรวมผลงานวิจัยจาก MTEC, ROAT, และ PSU
เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้และต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้อย่างสะดวก

 

ประเด็นสำคัญอีกด้าน คือโจทย์จากภาคอุตสาหกรรม โดยคุณเอกชัย จาก ส.อ.ท. ได้นำเสนอโครงการพัฒนา เครื่องกรีดยางอัตโนมัติ เพื่อแก้
ปัญหาแรงงานขาดแคลน และการเพิ่มสัดส่วนยางธรรมชาติในยางล้อเพื่อตอบสนองเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าและการประหยัดพลังงาน ซึ่งที่ประชุม
เห็นพ้องว่าจำเป็นต้องทำงานแบบบูรณาการ โดยมี กยท. ยืนยันพร้อมสนับสนุนทุนวิจัยเต็มที่

 

ทิศทางสำคัญของเครือข่ายฯ ในครั้งนี้ คือการสร้างแพลตฟอร์มรวบรวมงานวิจัยด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อเป้าหมายระยะยาว ไม่ใช่เพียงแค่ตาม
กระแส และการจัด Workshop 2 วัน 1 คืน เตรียมความพร้อมสำหรับงาน IRC 2025 โดยมี ผอ.เอ็มเท็ค และ ผอ.สถาบันวิจัยฯ ม.อ. รับผิดชอบ
ดำเนินงาน

 

ส.อ.ท. มุ่งมั่นที่จะเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างงานวิจัย นวัตกรรม และภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและความยั่งยืนให้กับยางพาราไทย
บนเวทีโลกต่อไป