สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย         (ส.อ.ท.) และหน่วยงานพันธมิตร จัดงานใหญ่ SME GP DAY : รัฐพร้อมซื้อ SME พร้อมขาย โดยนำสินค้าและบริการของ MSME ที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งจัดให้มีกิจกรรมการให้คำปรึกษาและบริการต่างๆ โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 26 สิงหาคม 2566 นี้ ณ ฮอลล์ 8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ถือเป็นโอกาสทางการตลาดขนาดใหญ่ในประเทศของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME แต่ที่ผ่านมามีเอสเอ็มอีเข้าถึงระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้ไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้ สสว. จึงได้จัดเตรียมระบบทะเบียนเอสเอ็มอี เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หรือ THAISME GP เพื่อให้เอสเอ็มอีได้เข้ามาลงทะเบียนกิจการและสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานมากกว่า 1,000,000 รายการ ซึ่งถือเป็นแหล่งสินค้าและบริการขนาดใหญ่ที่หน่วยงานภาครัฐจะได้ร่วมกันสนับสนุน อันจะเป็นฟันเฟืองหนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน SME GP Day ในวันนี้ ได้ตั้งเป้าที่จะช่วยแก้ไขข้อจำกัด อุปสรรคต่าง ๆ ของเอสเอ็มอีผ่านการเชื่อมโยงคู่ค้าและพันธมิตร  จึงขอเชิญชวนท่านผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ เข้าร่วมงาน เพื่อจะได้ทราบว่าแผนงานการจัดซื้อจัดจ้างที่กำหนดไว้นั้น จะมีผู้ประกอบการรายใดบ้างที่มาร่วมจัดแสดงสินค้าและบริการ มีคุณสมบัติสอดคล้องกับแนวทางของท่าน เพื่อร่วมกันผลักดันการเชื่อมโยงคู่ค้าและพันธมิตรและก่อให้เกิดมูลค่าเชิงพาณิชย์ได้จริง ตามคำขวัญ THAI SMEGP ที่ว่า“รัฐพร้อมซื้อ SME พร้อมขาย”

 

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐนับเป็นช่องทางการตลาดขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามากถึง 1.17 ล้านล้านบาทต่อปี ผลการดำเนินมาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ในปีงบประมาณ 2565 พบว่าหน่วยงานของรัฐสามารถจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ประกอบการเอสเออ็มอี ได้รวม 481,831 ล้านบาท จากเงินที่จัดซื้อจัดจ้างรวม 1,167,798 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.26 โดยปัจจุบันมี SMEs ที่ขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SMEGP แล้ว 152,331 ราย เป็นสินค้าและบริการรวม 1,127,533 รายการ

นอกจากนี้ ในปี 2565 สสว. ได้ยกระดับผู้ประกอบการเพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นคู่ค้ากับหน่วยงานของรัฐ โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการทั่วไปให้มีการกระจายในระดับพื้นที่ จำนวน 1,500 ราย และกลุ่มอุตสาหกรรมมุ่งเป้า สำหรับสินค้าและบริการที่มีความยากในการผลิตและต้องใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมสูง เพื่อลดการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จากต่างประเทศ ซึ่งได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ และกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล”

          นายอภิชิต  ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นหน่วยงานร่วมดำเนินงานในครั้งนี้ ได้ออกแบบงานให้เกิดประโยชน์มากที่สุดต่อ SME โดยจัดกลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าร่วมออกเป็น 8 กลุ่ม ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์ก่อสร้างและเครื่องมือช่าง เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย สินค้าและบริการด้านการแพทย์ สินค้าและบริการด้านดิจิทัล และสินค้าที่ขึ้นทะเบียน Made in Thailand

“นอกจากโอกาสทางการค้าและได้จับจ่ายซื้อของภายในงานแล้ว ยังมีบริการต่างๆ จาก สสว. เพื่อให้บริการผู้ประกอบการตลอด 3 วัน อาทิ การบริการขึ้นทะเบียน THAI SMEGP และ SME ONE ID การบริการสนับสนุนค่าใช้จ่ายพัฒนาธุรกิจภายใต้โครงการ BDS (SME ปังตังได้คืน) การให้คำปรึกษาด้านกฎหมายธุรกิจ และการพัฒนาธุรกิจแบบครบวงจร นอกจากนี้ ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปยังจะได้รับความรู้และความบันเทิงตลอด 3 วันไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสถานการณ์ SME การอัปเดตเทรนด์การตลาดปี 2567 การบริหารต้นทุนในกิจกรรมสำหรับ SME การวางฮวงจุ้ยอย่างไร ให้ออฟฟิสปัง” นายอภิชิต กล่าว

 

“สสว.เคียงข้าง SME คู่คิดที่ดีผู้ประกอบการไทย”

———————————————-

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ส่วนสื่อสารองค์กร สสว. โทร. 02 298 3201  

สถาบัน SMI สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย Call Center : 1453 ต่อ 1049, 1059

เผยแพร่โดย ฝ่ายสื่อสารองค์กร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โทร. 02 345 1051