วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้รับเกียรติเป็นวิทยากรในหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 ประจำปีการศึกษา 2565-2566 ในหัวข้อ “หลักการ แนวคิดโครงสร้างยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ” ร่วมกับศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร กรุงเทพฯ
ภายในงาน นายเกรียงไกร ได้นำเสนอโครงสร้างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ที่มีจุดประสงค์เพื่อบรรลุเป้าหมายในด้านต่างๆ ในการนำประเทศไทยไปสู่ความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เป็นต้น
ทั้งนี้ นายเกรียงไกร ยังได้นำเสนอภาพรวมและแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทย ท่ามกลางความผันผวนและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก หรือ BANI World ซึ่งปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญปัญหาอย่างเต็มรูปแบบ (Perfect Storm) ทั้งปัญหาภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ค่าพลังงานที่แพง สงครามรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อจนส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทย ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นโดยเฉพาะค่าแรงที่ปรับขึ้น และเงินบาทอ่อนค่าที่แม้จะดีต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่ในภาคอุตสาหกรรมก็ยังได้รับผลกระทบจากการนำเข้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอวิธีการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมตามแนวทางของ ส.อ.ท. ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนทั้งอุตสาหกรรมเดิม (First Industries) ที่ประกอบด้วย 45 กลุ่มอุตสาหกรรม (11 คลัสเตอร์) 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด (5 ภาค/คลัสเตอร์จังหวัด) และอุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next-GEN Industries) ที่ประกอบด้วย 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curves) รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “BCG” (Bio-Circular-Green Economy) หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก ตลอดจนการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ในภาคอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน