เรียบเรียงโดย กุลลดา ค้าสุวรรณ สายงานอาเซียนและโลจิสติกส์
การขนส่งสินค้าเป็นเพียงหนึ่งในกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ เพื่อกระจายสินค้าหรือขนถ่ายสินค้าไปยังผู้ที่อยู่ปลายทาง นั่นก็คือลูกค้า ด้วยวิธีการขนส่งทางถนน ทางรถไฟ ทางน้ำ และทางอากาศ นอกจากนี้ในอุตสาหกรรรมโลจิสติกส์ยังประกอบไปด้วยกิจกรรมอื่น ๆ อีก เช่น การให้บริการศูนย์กระจายสินค้า การบริหารและการจัดเก็บสินค้า การดูแลและบริการคลังสินค้า การบริการด้านพิธีการส่งออกและนำเข้าสินค้า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ต้องบริหารค่าใช้จ่ายให้มีต้นทุนน้อยที่สุด ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายความสามารถในการแข่งขันด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างยิ่ง
:
รูปแบบธุรกิจปัจจุบันที่มีระบบโลจิสติกส์รองรับที่เห็นอย่างชัดเจน คือ ธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) และ B2C (Business to Customer) ซึ่งหากเป้าหมายการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ. 2566–2570 ที่ต้องการให้ระบบโลจิสติกส์ไทยเป็นกลไกผลักดันให้ไทยเป็นประตูการค้าในอนุภูมิภาคและภูมิภาค ตลอดจนเพิ่มมูลค่าระบบโซ่อุปทานของประเทศ และเชื่อมโยงการประกอบธุรกรรมทางการค้ารูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นแล้วละก็ จึงจำเป็นต้องพัฒนาระบบโลจิสติกส์ไปสู่รูปแบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า ระบบอี-โลจิสติกส์ (e-Logistics) อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ
:
เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับธุรกิจขนส่งและระบบโลจิสติกส์มากขึ้น โดยการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้บริการ จึงมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดการที่เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิต กระบวนการขนส่ง กระบวนการเก็บรักษาสินค้า ไปจนถึงกระบวนการให้บริการลูกค้า ซึ่งกระบวนการปฏิบัติงานต่าง ๆ มีดังนี้
- ปรับปรุงกระบวนการด้านการขนส่ง เช่น
- การนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ (Robotics) ในการแปลงจากคำสั่งที่ประมวลผลแล้ว เป็นคำสั่งที่ใช้ควบคุมเครื่องยนต์ส่วนต่าง ๆ ของรถได้จริง
- การนำเทคโนโลยีการนำทาง (Navigation) มาเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมจากข้อมูลแผนที่ การประมวลผล และการตัดสินใจเส้นทางการขับเคลื่อนรถ เป็นต้น
- ปรับปรุงกระบวนการด้านคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า
ปัจจุบันเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นได้ปรับเปลี่ยนให้ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) แคบลง การแข่งขันของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ จึงอยู่ที่ความรวดเร็วและคุณภาพของการจัดส่งสินค้าเพื่อตอบสนองต่อการแข่งขัน โกดังจัดเก็บสินค้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) ในการขับเคลื่อนระบบภายใน เพื่อการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดความผิดพลาดจากคน อีกทั้งช่วยลดงบประมาณการจ้างแรงงาน ดังนั้น แนวโน้มการจัดทำโกดังเก็บสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าในอนาคต จึงมีทิศทางปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้บริการอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยใช้เทคโนโลยี ดังต่อไปนี้
- ปัญญาเสริม (Augmented Intelligence) คือ การเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์และขยายขีดความสามารถทางปัญญาของมนุษย์ลงในซอฟต์แวร์ เช่น หน่วยความจำและการจัดลำดับความสำคัญการคาดการณ์ การแก้ไขปัญหา ไปจนถึงการตัดสินใจ และการเพิ่มความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ระบบ Augmented Intelligence เป็นระบบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลป้อนกลับ (Feedback-Driven) การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Learning) และการรับประกันตัวเอง (Self-Assuring) เพื่อขยายความรู้ของมนุษย์ลงไปในซอฟต์แวร์และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับมนุษย์ โดยผู้ใช้งานสามารถเพิ่มความต้องการเพื่อให้เกิดการพัฒนาใหม่ ๆ ต่อได้
- ทัศนวิสัยในห่วงโซ่อุปทานแบบทันท่วงที (Real-time Supply Chain Visibility) เป็นเทคโนโลยีที่บริษัทด้านโลจิสติกส์จำเป็นต้องนำมาใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้มีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีดังกล่าวนี้ถูกนำมาใช้ในรูปแบบการประเมินการจราจร สภาพถนน สภาพอากาศ และสภาพท่าเรือ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจเลือกใช้เส้นทาง
- ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System: WMS) เป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ในกรณีที่คลังสินค้ามีขนาดใหญ่และมีสินค้าจำนวนมากเกินกว่าจะบริหารได้ด้วยมนุษย์ทั้งหมด โดยฟังก์ชันหลัก คือ การบันทึกข้อมูลสินค้าในคลัง เช่น จำนวนสินค้า ตำแหน่งสินค้า ขนาด น้ำหนัก การจัดทำฉลากสินค้าอัตโนมัติ บันทึกข้อมูลว่าสินค้าชนิดใดจะต้องขนย้ายแบบใด ไปจนถึงกระบวนการขนย้าย โดยโปรแกรมจำนวนหนึ่งสามารถรับข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อคำนวณว่า การลำเลียงสินค้าในหนึ่งล็อตจะต้องใช้พนักงานกี่คน ใช้เครื่องมืออะไร และใช้เวลาประมาณเท่าใด
- ปรับปรุงด้านพิธีการส่งออกและนำเข้าสินค้า
นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับการทำงานบริการด้านพิธีการส่งออกและนำเข้านี้ ส่วนมากเป็นเทคโนโลยีที่กรมศุลกากรเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ ผู้ออกใบอนุญาต/ใบรับรองแก่ผู้ประกอบการ เช่น ผู้นำเข้า-ส่งออก ตัวแทนออกของ ตัวแทนผู้รับขนส่งสินค้า บริษัทเรือ สายการบิน และธนาคารต่าง ๆ เชื่อมโยงข้อมูลใบขนสินค้าที่กรมศุลกากรพัฒนารูปแบบการให้บริการแก่ผู้ประกอบการ จากรูปแบบกระดาษเป็นการแลกเปลี่ยนเอกสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange) นอกจากนี้ กรมศุลกากรยังให้บริการในรูปแบบการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ (National Single Window) บางส่วนด้วย เพื่อเตรียมการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลในรูปแบบการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN Single Window) เรียกได้ว่าเป็นการปฏิรูปกระบวนการและลดขั้นตอนการให้บริการได้อย่างปลอดภัย
:
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกิจกรรมต่าง ๆ ด้านโลจิสติกส์ ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่และคลื่นลูกใหม่ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งยังเป็นภาคงานที่ได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุด แม้ในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจผันผวน การใช้เทคโนโลยีก็ยังช่วยให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรต้องตื่นตัวและเตรียมความพร้อมในการใช้เทคโนโลยี รวมถึงเรียนรู้การทำงานของระบบเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อนำมาพัฒนาการให้บริการด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากด้านโลจิสติกส์ก็ยังสามารถทำได้ เช่น การทำการตลาด เพื่อให้ตอบโจทย์การพัฒนาธุรกิจอย่างครบวงจร