นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนกันยายน 2566 ดังต่อไปนี้
การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกันยายน 2566 มีทั้งสิ้น 164,093 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 8.45 จากการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงร้อยละ 17.87 โดยรถกระบะบรรทุกและกระบะสี่ประตูที่ผลิตลดลงร้อยละ 47.13 และ 50.25 ตามลำดับจากยอดขายรถกระบะที่ลดลง เพราะการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทำให้ผลิตเพื่อขายในประเทศในเดือนกันยายน 2566 มีสัดส่วนร้อยละ 36.56 เท่านั้น แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 8.92
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – กันยายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,385,971 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 1.61
รถยนต์นั่ง เดือนกันยายน 2566 ผลิตได้ 58,126 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 5.44 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 43,537 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 24
- รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 1 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 100
- รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 455 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 63
- รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 14,133 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 15
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2566 มีจำนวน 481,054 คัน เท่ากับร้อยละ 34.71 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 15.32 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 373,861 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 22
- รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 149 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 100
- รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 7,476 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 63
- รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 99,568 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 37
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนกันยายน 2566 ผลิตได้ 4 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 66.67 รวมเดือนมกราคม – กันยายน 2566 ผลิตได้ 98 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 600
รถยนต์บรรทุก เดือนกันยายน 2566 ผลิตได้ทั้งหมด 105,963 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 10.02 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 904,819 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 4.44
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกันยายน 2566 ผลิตได้ทั้งหมด 102,180 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 10.09 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 877,842 คัน เท่ากับร้อยละ 63.34 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 4.11 โดยแบ่งเป็น
- รถกระบะบรรทุก 154,226 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 89
- รถกระบะดับเบิลแค็บ 577,352 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 18
- รถกระบะ PPV 146,264 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 15
รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน – มากกว่า 10 ตัน เดือนกันยายน 2566 ผลิตได้ 3,783 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 7.84 รวมเดือนมกราคม – กันยายน 2566 ผลิตได้ 26,977 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 14.04
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนกันยายน 2566 ผลิตได้ 104,096 คัน เท่ากับร้อยละ 63.44 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 1.97 ส่วนเดือนมกราคม – กันยายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 809,964 คัน เท่ากับร้อยละ 58.44 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 8.52
รถยนต์นั่ง เดือนกันยายน 2566 ผลิตเพื่อการส่งออก 26,934 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 20.44 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 218,991 คัน เท่ากับร้อยละ 45.52 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 15.04
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกันยายน 2566 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 77,162 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 6.67 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 590,973 คัน เท่ากับร้อยละ 67.32 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 6.29 โดยแบ่งเป็น
- รถกระบะบรรทุก 59,772 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2565 ร้อยละ 10
- รถกระบะดับเบิลแค็บ 450,332 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2565 ร้อยละ 16
- รถกระบะ PPV 80,869 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2565 ร้อยละ 13
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนกันยายน 2566 ผลิตได้ 59,997 คัน เท่ากับร้อยละ 36.56 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 17.87 และเดือนมกราคม – กันยายน 2566 ผลิตได้ 576,007 คัน เท่ากับร้อยละ 41.56 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 6.74
รถยนต์นั่ง เดือนกันยายน 2566 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 31,192 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 12.95 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2565 ผลิตได้ 262,063 คัน เท่ากับร้อยละ 54.48 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม – กันยายน 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.55
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกันยายน 2566 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 25,018 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 39.44 และตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 286,869 คัน เท่ากับร้อยละ 32.68 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 20.20 ซึ่งแบ่งเป็น
- รถกระบะบรรทุก 94,454 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2565 ร้อยละ 98
- รถกระบะดับเบิลแค็บ 127,020 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กันยายน 2565 ร้อยละ 39
- รถกระบะ PPV 65,395 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2565 ร้อยละ 45
รถจักรยานยนต์
เดือนกันยายน 2566 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 199,854 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ -19.97 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 169,054 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 14.38 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 30,800 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 41.06
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – กันยายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,888,254 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 3.24 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 1,638,051 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 11.07 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 250,203 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 47.51
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกันยายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 62,086 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 2.56 และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 16.27 จากยอดขายรถกระบะที่ลดลงร้อยละ 45 เพราะความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนสูง แบ่งตามประเภทเชื้อเพลิง ดังต่อไปนี้
- รถยนต์สันดาปภายใน (ICE) 46,985 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 31
- รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 6,881 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 16
- รถยนต์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 74 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 07
- รถยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 8,146 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 18
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 141,455 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2565 ร้อยละ 11.66 และลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 5.88 โดยแบ่งเป็น
- รถจักรยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) 141,455 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 66
ตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2566 รถยนต์มียอดขาย 586,870 คัน ลดลงจากปี 2565 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 7.39 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์สันดาปภายใน (ICE) 476,121 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 07
- รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 48,725 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 42
- รถยนต์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,659 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 83
- รถยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 60,365 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 77
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,446,338 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 6.15 โดยแบ่งเป็น
- รถจักรยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) 1,445,300 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 15
- รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 818 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 23
- รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) 220 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 100
การส่งออก
รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนกันยายน 2566 ส่งออกได้ 97,476 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 11.33 แต่ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 2.90 เพราะฐานสูงในปีที่แล้วที่ได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วจากการกลับมาทำงานในบริษัทและไม่ต้องเรียนทางไกลเพราะสถานการณ์โควิด 19 เริ่มคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม จากยอดส่งออกที่สูงจึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ มูลค่าการส่งออก 62,451.33 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 7.49
- เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 3,645.78 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 31
- ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 16,531.81 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 21
- อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,295.90 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 71
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนกันยายน 2566 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 84,924.82 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 6.75
เดือนมกราคม – กันยายน 2566 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 821,899 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 16.34 มีมูลค่าการส่งออก 519,435.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 19.27 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 28,459.53 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 64
- ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 137,000.58 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 72
- อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 17,936.19 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 64
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – กันยายน 2566 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 702,831.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 9.38
รถจักรยานยนต์
เดือนกันยายน 2566 มีจำนวนส่งออก 61,121 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 25.36 และลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 34.04 โดยมีมูลค่า 4,254.66 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 37.24
- ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 240 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 25
- อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 02 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 61.77
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนกันยายน 2566 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 4,581.68 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 37.44
เดือนมกราคม – กันยายน 2566 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 601,751 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 21.05 มีมูลค่า 50,347.70 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 4.30
- ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 2,292.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 48
- อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,542.67 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ -18.30
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – กันยายน 2566 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 54,182.77 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 4.04
เดือนกันยายน 2566 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 89,506.50 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ -9.03
เดือนมกราคม – กันยายน 2566 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 757,014.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 8.30
ปรับเป้าการผลิตรถยนต์ ปี 2566 จาก 1,900,000 คันเป็น 1,850,000 คัน
****************************************
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในปี พ.ศ.2566 (ใหม่)
ปรับเป้าผลิตรถยนต์ปี 2566 จาก 1,900,000 คันเป็น 1,850,000 คัน ลดลง 50,000 คัน โดยปรับเป้าเฉพาะผลิตขายในประเทศลดลงจาก 850,000 คันเป็น 800,000 คัน ลดลงร้อยละ 5.88
ปัจจัยของการปรับยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลง
- การนำเข้ารถยนต์จำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงปรับการเป้าการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง
- การจำหน่ายรถยนต์กระบะลดลง เนื่องจากสินเชื่อไม่ได้รับการอนุมัติค่อนข้างเยอะจากหนี้ครัวเรือน
- สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์จากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง
- อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น
- เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงจึงส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวไม่มาก
- การส่งออกสินค้าหลายชนิดลดลงส่งผลให้คนงานมีรายได้ลดลง
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกันยายน 2566
เดือนกันยายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,904 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 302.90 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 6,870 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 07
- รถยนต์นั่งจำนวน 6,841 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 24 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 2 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 3 คัน
- รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 31 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 3,000
- รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 29 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 67
- รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 28 คัน
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 1 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,944 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 100
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,944 คัน
- รถโดยสารมีทั้งสิ้น 10 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 67
- รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 20 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 900
เดือนมกราคม – กันยายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 67,929 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายนปีที่แล้วร้อยละ 411.40 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 50,218 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 40
- รถยนต์นั่งจำนวน 50,009 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 193 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 6 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 10 คัน
- รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 122 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 50
- รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 265 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 59
- รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 250 คัน
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 15 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 15,935 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 23
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 15,883 คัน
- รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 52 คัน
- รถโดยสารมีทั้งสิ้น 1,146 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 08
- รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 244 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 4,780
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนกันยายน 2566
เดือนกันยายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 6,227 คัน ลดลงจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 7.31 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 6,178 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 45
- รถยนต์นั่งจำนวน 6,154 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 2 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 22 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 49 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 96
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 49 คัน
เดือนมกราคม – กันยายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 65,423 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายนปีที่แล้วร้อยละ 31.34 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 64,937 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 31
- รถยนต์นั่งจำนวน 64,852 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 14 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 17 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 54 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 486 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 13
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 486 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกันยายน 2566
เดือนกันยายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,016 คัน ลดลงจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 6.19 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 1,016 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 19
- รถยนต์นั่งจำนวน 1,012 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 4 คัน
เดือนมกราคม – กันยายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 9,534 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายนปีที่แล้วร้อยละ 8.44 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 9,534 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ร้อยละ 44
- รถยนต์นั่งจำนวน 9,524 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 6 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 4 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 กันยายน 2566
ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 99,736 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 305.93 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 63,874 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 47
- รถยนต์นั่งมีจำนวน 63,350 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 70
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 371 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 80
- รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 24 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 300
- รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 20 คัน ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ยังไม่มีการจดทะเบียน
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 109 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ยังไม่มีการจดทะเบียน
- รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 183 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 05
- รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 742 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 96
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 78 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 29
- รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 664 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 02
- รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 32,309 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 74
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 32,185 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 46
- รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 124 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 65
- อื่นๆ
- รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,357 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 16
- รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 271 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 1,131.82
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 กันยายน 2566
ณ วันที่ 31 กันยายน 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 324,270 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 31.94 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 315,142 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 07
- รถยนต์นั่งมีจำนวน 314,379 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 08
- รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 479 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 64
- รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 44 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 75
- รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 136 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 15
- รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 3 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 101 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ยังไม่มีการจดทะเบียน
- รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565
- รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,125 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 06
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,125 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 06
- อื่นๆ
- รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 100
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 กันยายน 2566
ณ วันที่ 31 กันยายน 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 51,846 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 30.98 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 51,846 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 98
- รถยนต์นั่งมีจำนวน 51,778 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 03
- รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 41 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 13
- รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 20 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565
- รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 50
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 4 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ไม่มีการจดทะเบียน
**———————————————————————————————-*
