เมื่อวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดการประชุมสามัญประจำปี 2567 และเลือกตั้งคณะกรรมการ ส.อ.ท. วาระปี 2567-2569 เพื่อสรุปผลการดำเนินงานรอบปี 2566 ของ ส.อ.ท. และเลือกตั้งคณะกรรมการ ส.อ.ท. ชุดใหม่วาระปี 2567-2569 ณ ห้อง BALLROOM 1 – 2 (ชั้น 1) ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ภายในงาน ได้มีพิธีมอบโล่ให้แก่นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย และนายเวทิต โชควัฒนา รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยมีนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. เป็นผู้มอบโล่
นอกจากนี้ นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท. และประธานสายงานเศรษฐกิจและวิชาการ ยังได้จัดทำ FTI CEO Poll ครั้งที่ 39 ในหัวข้อ “มุมมองต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบัน” เพื่อสะท้อนความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ โดยผลสำรวจจะนำเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (www.fti.or.th) และ Facebook Fan page สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต่อไป
หลังจากนั้น เข้าสู่การประชุมตามระเบียบวาระการประชุมสำมัญประจำปี 2567 โดยนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. นายกฤษณ์ อิ่มแสง เลขาธิการ ส.อ.ท. ดร.ปิยะนุช มาลากุล ณ อยุธยา เหรัญญิก ส.อ.ท. และนายวีระชัย คุณาวิชยานนท์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ส.อ.ท. ดำเนินการประชุม
ภายในงาน ยังได้รับเกียรติจากนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. สรุปผลการดำเนินงานของ ส.อ.ท. ในรอบปี 2566 โดยการดำเนินงานที่ผ่านมา ดำเนินงานภายใต้ 4 กลยุทธ์ที่สำคัญ ได้แก่
1) Industry Collaboration ผนึกกำลังอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง โดย ส.อ.ท. มีความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก สำหรับในประเทศมีความร่วมมือกับกระทรวง และหน่วยงานภายใต้กระทรวง จำนวน 12 กระทรวง และมีความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ โดย ส.อ.ท. ร่วมมือกับ 32 ประเทศทั่วโลก ผ่านการลงนาม MoU ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) และภาคเอกชน อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) อีกทั้งยังมีการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ 46 คือ “กลุ่มอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม” เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจไทยในอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
2) First2Next-Gen Industry ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต โดย ส.อ.ท. ได้ดำเนินโครงการเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม อาทิ โครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน หนุนการจับคู่ระหว่างสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรมกับ SMEs ในเครือข่ายของ ส.อ.ท. เพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีของสตาร์ทอัพมายกระดับขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรม โดยได้รับงบสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จำนวน 1 พันล้านบาท และโครงการ FTI DeepTech Startup Connext สะพานเชื่อมของการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก DeepTech Startups สู่ภาคอุตสาหกรรม และผลักดันให้เกิดการเติบโต สร้างรายได้ และรับการลงทุน ด้วยการสร้างพื้นที่เรียนรู้และทดสอบการใช้งานร่วมกัน โดยรายได้หลังเข้าร่วมโครงการ 246.3 ล้านบาท สามารถเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการถึง 2.46 เท่า
3) Smart SMEs ยกระดับ SMEs สู่สากล โดย ส.อ.ท. เปิดหลักสูตร K-FTI หลักสูตรเตรียมความพร้อมให้กับ SME/Startups เข้าสู่ตลาดทุน โดยแบ่งออกเป็น 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรระยะสั้น (KFTI Incubation Program) และหลักสูตรเชิงลึก (KFTI Acceleration Program) นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม “เปิดกล่องของขวัญเพื่อ SMEs” โดยให้ความรู้การดำเนินธุรกิจสมาชิก และ SME ในแต่ละภูมิภาค พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้กับสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการสัญจรไปแล้ว 20 จังหวัด และสามารถเพิ่มสมาชิกใหม่ของ ส.อ.ท. ถึง 123 ราย โดย ส.อ.ท. นำเสนอสินค้า highlight จากสมาชิกในพื้นที่จำนวน 150 บริษัท ส่งผลให้ได้รับความรู้และบริการจำนวน 2,688 ราย อีกทั้ง ส.อ.ท. ยังมีการจัดทำหลักสูตร FTI GO GLOBAL เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ สร้างกลยุทธ์และพัฒนาแบรนด์ให้ตรงความต้องการของตลาดเป้าหมายในต่างประเทศ ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวน 43 รายเข้าสู่ 5 ตลาดทั่วโลก
4) Smart Service Platform พัฒนาการบริการเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทย โดยผลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐปี 2565 กิจการที่ได้รับรอง Made in Thailand (MiT) ได้รับงานจัดซื้อจัดจ้างรวม 1,641 ราย คิดเป็นมูลค่าเงินที่ใช้ทำสัญญาจาก MiT รวม 102,000 ล้านบาทจากมูลค่าเงินที่ทำสัญญาทั้งหมด 695,000 ล้านบาท ซึ่ง 10 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรอง MiT ได้แก่ อุปกรณ์งานก่อสร้างและอื่น ๆ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม เหล็ก เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็น ปูนซีเมนต์ พลาสติก เฟอร์นิเจอร์ ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์และสุขภาพ ยา และผลิตภัณฑ์ยาง ตามลำดับ สำหรับสถิติรวม ปี 2566 บริษัทที่ลงทะเบียนในระบบ 5,040 กิจการ และผ่านการรับรองสินค้า 54,792 SKU นอกจากนี้ ในส่วนของสิทธิประโยชน์ FTI e-Member Card ในปี 2566 มีสิทธิประโยชน์รวมทั้งสิ้น 82 สิทธิ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มี 32 สิทธิ และสำหรับโครงการตรวจสุขภาพ ปี 2566 มีจำนวนผู้เข้ารับการตรวจสุขภาพ 164,220 ราย และจำนวนสถานประกอบการที่เข้าร่วม 707 แห่ง ลดค่าใช้จ่ายองค์กรได้เฉลี่ยกว่า 30%
ภายหลังจากการสรุปผลการดำเนินงานของ ส.อ.ท. ได้เข้าสู่การเลือกตั้งคณะกรรมการ ส.อ.ท. วาระปี 2567 – 2569 โดยมี ดร.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี ประธานดำเนินการเลือกตั้ง ดำเนินการตามวาระการประชุม เพื่อชี้แจงข้อบังคับในการเลือกตั้ง และระเบียบวิธีการเลือกตั้ง พร้อมกับนางสาวพรรรัตน์ เพชรภักดี รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ ส.อ.ท. เป็นผู้ช่วยดำเนินการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ภายในงาน ยังมีกิจกรรมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกบูธนิทรรศการจากหน่วยงานภายในของ ส.อ.ท. จำนวน 10 บูธ เพื่อประชาสัมพันธ์บริการต่างๆ ของ ส.อ.ท. ซึ่งประกอบด้วย 1) สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) 2) สถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน 3) สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4) สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม 5) สถาบันนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม 6) สถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) 7) สถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) 8) สถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร 9) งานพัฒนาทักษะบุคลากรภาคอุตสาหกรรม (FTI Academy) และ 10) การรับรองผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย หรือ Made in Thailand จากฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรม
นอกจากบูธของหน่วยงานภายในของ ส.อ.ท. แล้ว ยังมีบูธแสดงสินค้าจากสมาชิกผู้ให้สิทธิประโยชน์ในบัตร FTI e-member card จำนวน 21 บริษัทมาร่วมจัดแสดงอีกด้วย
สำหรับภาพบรรยากาศงาน คลิก https://photos.app.goo.gl/bmj7bUzNXaWh6mzg7
