เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน พร้อมด้วย ดร.ปิยะนุช มาลากุล ณ อยุธยา รองประธานและเหรัญญิก ส.อ.ท. เข้าร่วมการประชุม Stakeholder Engagement ต่อร่างความตกลงกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกเพื่อความเจริญรุ่งเรือง (IPEF) ว่าด้วยเศรษฐกิจที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Indo-Pacific Economic Framework for Prosperity Agreement Relating to a Clean Economy) จัดโดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหน่วยงาน Pillar Lead ของเสาความร่วมมือที่ 3 เศรษฐกิจที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมี ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

การประชุมจัดขึ้นเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม โดยในที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อรายละเอียดของร่างข้อบทฯ และข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินภายใต้ความตกลง IPEF เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับโครงการความร่วมมือ (Cooperative Work Program) ระหว่างประเทศภาคี IPEF เพื่อพัฒนาเป้าหมายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมร่วมกัน โดยภาคเอกชนได้เสนอให้ภาครัฐร่วมสนับสนุนภาคเอกชนในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การสนับสนุนการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Product) เป็นต้น

ประเทศไทยได้เข้าร่วมการเจรจาภายใต้กรอบ IPEF ในปี 2565 เพื่อสนับสนุนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันและเสริมสร้างศักยภาพร่วมกัน โดยภายใต้ความร่วมมือ IPEF มีสมาชิก 14 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไทย นิวซีแลนด์ บรูไน ฟิลิปปินส์ ฟิจิ มาเลเซีย เวียดนาม สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย อินเดีย และอินโดนีเซีย และแบ่งความร่วมมือออกเป็น 4 เสาหลัก ได้แก่ เสาที่ 1 การค้า (Trade) เสาที่ 2 ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เสาที่ 3 เศรษฐกิจสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Clean Economy) และเสาที่ 4 เศรษฐกิจที่เป็นธรรม (Fair Economy) โดยปัจจุบัน ประเทศสมาชิก สามารถสรุปการเจรจาร่างเอกสารความตกลงฯ ของเสาความร่วมมือที่ 3 เศรษฐกิจที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะนำความเห็นจากการหารือ มาประเมินผลประโยชน์และผลกระทบจากการลงนามเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงฯ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบต่อไป