เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ดร.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วยนางสาวณินทิรา อภิสิงห์ เลขานุการสภาธุรกิจไทย-ยุโรป นายธีตา โหตระกิตย์ และคณะกรรมการสภาธุรกิจฯ เข้าร่วมให้การต้อนรับและหารือกับ Mr. Pascal Kernels, Managing Director of European Services Forum (ESF) และคณะซึ่งเป็นเครือข่ายตัวแทนระดับสูงจากภาคบริการของยุโรป ณ ห้องประชุม PFP สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ในที่ประชุม ได้มีการหารือประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. สหภาพยุโรปเป็นผู้ค้าบริการรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยตัวเลขการค้าบริการคิดเป็น 25% ของ GDP ของสหภาพยุโรป โดยมีการส่งออกบริการเกิน 900 พันล้านยูโรต่อปี (International Trade for service of EU – Focus on outside EU) ปัจจุบัน ตัวเลขการลงทุนของ EU ในประเทศไทยมีเพียง 10% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียน ซึ่งสามารถพัฒนาให้เพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้สัดส่วนภาค Trading & Servicing ของไทยอยู่ที่ 60% ซึ่งเป็นอัตราที่นับว่าต่ำสำหรับประเทศรายได้ปานกลาง (Middle- Income Countries) จึงควรพัฒนาให้เพิ่มขึ้น โดย ESF แนะนำให้ไทยพิจารณาทบทวน กฎระเบียบที่ซับซ้อนและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อาทิ สัดส่วนการถือหุ้นทางตรงของคนต่างด้าวในนิติบุคคลไทยที่ 49% การกำหนดห้ามคน ต่างด้าวประกอบธุรกิจในการทำธุรกิจบริการอื่น (ประกาศใช้เมื่อ 25 ปีที่แล้ว) จึงอยากเสนอให้มีการทบทวนเพื่อส่งเสริมให้การแข่งขัน และการประกอบธุรกิจสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยต่อไป
2. การเข้าถึงการใช้บริการดิจิทัล ควรให้มีการเข้าถึงในทุกภาคธุรกิจ และการบริการ รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและปลอดภัย มี Data Center ที่รวมข้อมูลสำหรับอาเซียนทุกประเทศ
3. การจัดทำ FTA TH-EU ในด้านการบริการ (Service) เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงและเกิดความคล่องตัวระหว่างผู้ใช้และผู้ให้บริการในทุกสาขา เช่น การขนส่งและโลจิสติกส์ การก่อสร้าง ประกันภัย การเงิน โทรคมนาคม เข้าไปมีส่วนร่วมในภาคการผลิตด้วย
4. การดำเนินการด้าน Trading & Servicing มี 4 รูปแบบ คือ Cross -Border Trade (by shipping, e-commerce, telephone) , Consumer consumed at Site (เช่น tourism) , Commercial at Border (เช่น licensing) และ Mobility of People (เช่น เข้าไปทำงานในประเทศอื่น เป็นระยะเวลาสั้น อาทิ 6 สัปดาห์ ถึง 1 ปีและกลับมาสู่ประเทศเดิมตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา) ซึ่งต้องการ work permit และ business visa ทั้งนี้ระหว่างธุรกิจ servicing (อาทิ R&D servicing, Scientific Servicing , Maintenance Servicing, Management Consulting, Customs Brokers เป็นต้น) และ ธุรกิจ manufacturing นั้น จะมี digital part เป็นตัวเชื่อมและควรมีการจัดทำข้อมูลที่เข้าใจง่ายต่อนักลงทุนและผู้ประกอบการต่างชาติในประเทศ เช่น SMART VISA, LTR VISA เป็นต้น นอกจากนี้ อยากให้มีศูนย์รวมข้อมูลเป็นจุดเดียว เพื่อง่ายต่อการติดต่อประสานงานด้วย
*สภาธุรกิจไทย-ยุโรป
*สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย